วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ลาก่อนปีเก่า สวัสดีปีใหม่ ใหม่


"ขอบคุณ" สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2012

ไม่ว่ามันจะ.. "ดีหรือร้าย" .. "ยากเย็นหรือง่ายดาย"

แต่สุดท้ายมันคงจะกลายมาเป็น..บทเรียนที่สอนให้เราเข้มเเข็งขึ้นในปีหน้า!!

ไม่รู้ว่าเหนื่อยไหม กับปีที่ผ่านมา แต่รู้ว่าสาหัสน่าดู
ทั้งสภาพร่างกายทั้งสภาพจิตใจ ประคองชีวิตมาแบบทุลักทุเล

เป็นปีแห่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายอย่าง  จะนึกเสียใจก็ไม่ทันแล้ว ดันยินดีกับสิ่งที่ทำ
เป็นปีที่ต้องอยู่คนเดียว ต้องหัดอยู่คนเดียว  ใช้ชีวิตคนเดียวเพียงลำพัง
เป็นปีที่กินอาหารฝีมือแม่นับครั้งได้  คิดถึงแม่มาก  แต่คงด้วยความดื้อรั้นและอวดดี จึงต้องเป็นแบบนี้
เป็นปีที่ต้องพบเจอผู้ชายเลวๆ  ที่บั่นทอนความรู้สึกไปมากมาย 
เป็นปีที่เจอเพื่อนใกล้ตัวแย่ๆ จนอยากจะเอาน้ำตามาล้างความเฮงซวยนี้ออกไปเสียจริง

แต่ ปีนี้ ก็ยังมีดีอยู่มากมาย  ในความแย่จนต้องหันหลังชนกำแพง 
ฉันเรียนรู้ว่า  มีใครอีกมากมายบนโลกนี้  ที่เป็นห่วงฉันอย่างจริงใจ
พวกเขาไม่เคยหวังอะไร จากฉัน  พวกเขาไม่ได้พรากอะไรจากฉันไปเลย
พวกเขามีแต่ให้  และดูแลฉันเสมอมา  เป็นทุกอย่างในเวลาที่ฉันท้อแท้
แม้่ตัวฉันจะไม่ค่อยยินดีรับนัก ด้วยหัวใจไม่เปิดรับความหวังดีจากใคร
ต่ ด้วยความดีเหล่านั้นจากพวกเขา มันซึมแทรกไปสู่หัวใจฉันเมื่อไหร่ไม่รู้
รอยยิ้ม  มิตรภาพต่างวัย  ที่พวกเขามีให้ เข้าไปอยู่เต็มความรู้สึก ช่วยปลุกความหวังที่ไม่เคยมี ให้เริ่มมีใบอ่อน รอวันแข็งแรง  ตอนนี้เหลือเพียงแค่ ฉันต้องดูแลความหวังนั้นให้เป็นจริง

ขอบคุณพี่ๆสตรีวิทย์ค่ะ  

ด้วยการกระทำและพฤติกรรมที่ฉันคอยเรียนรู้ ช่วยสอนให้ฉันรู้ว่า 

"โลกยังมีรอยยิ้มให้กับคนแปลกหน้าเสมอ"      

ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าความคิดเราเอง  สิน


เป็นปีที่ฉันต้องตเสียที   

อย่างน้อย..ฉันก็รู้ว่า  วันนี้ฉันยังมีลมหายใจ ให้มีแรงประคองต่อไปวันๆ

ลาก่อนปีเก่า  เจอกันปีใหม่   
ฉันจะไม่เป็นคนใหม่  ฉันยังเป็นคนเดิม
แต่ฉันจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากว่า
จะใช้ชีวิตใหม่ๆ ที่พระเจ้ามอบให้
ที่พลังใจของฉันเรียกร้องให้เข้มแข็ง
ตราบใดที่ยังมีโอกาส ได้เรียนรู้ในโลกกว้าง
ตราบนั้นฉันยังไม่หยุดหายใจ  ต้องเดินฝ่าไปให้เห็นเส้นทางเพื่อก้าวเดินไปให้ได้...  

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไดอารี่ปิดท้ายปี ๒๕๕๕


ไดอารี่ปิดท้ายปี ๒๕๕๕

ลาก่อนวันสิ้นโลกจอมปลอม
ปีหน้าฟ้าใหม่ตั้งใจทำอะไรดี

ขี้เกียจย้อนกลับไปคิด ตั้งแต่ต้นปีทำอะไรไปบ้าง
รู้แต่ว่าเหนื่อยมากมาย เหนื่อยใจ และเหนื่อยกาย เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นในทุกคน

ที่ผ่านและพลาดไปแล้ว ถือเป็นบทเรียนให้หัวใจแข็งแรง
ที่ทำดีได้ดี ถือเป็นรางวัลแสนเหนื่อยแห่งการพากเพียร

ปีหน้าทำอะไรดี คิดไว้เยอะไป ก็ทำไม่เสร็จ
จุดมุ่งหมายและความพยายามไม่มากพอถ้าคิดไว้เยอะ
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คิดน้อยๆ จะได้มีประสิทธิภาพ

๑ ปีมี ๑๒ เดือน  ความพยามทั้ง๑๒ข้อ จงสำเร็จด้วยมือเรา!

๑. ไม่เปิดคอมฯแช่ไว้ หากไม่ใช้งาน (ทำได้ไหมเนี่ย) ท่องไว้ๆช่วยชาติประหยัดพลังงาน
ที่สำคัญคือ "ประหยัดเงินในกระเป๋าเรา"

๒. หัดนอนปิดไฟตอนกลางคืนให้ได้  หัดไว้ๆ  เพื่อสตางค์ในกระเป๋า

๓. ปิดต้นฉบับ ๓ เล่ม  ไม่เน้นคุณภาพ ขอจำนวนเพื่อความผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน

๔. หัดกินข้าวเย็นคนเดียวให้ได้ทุกวัน  เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนะตัวเรา

๕. เขียนไดอารี่ทุกสัปดาห์  เขียนทุกวันไม่ได้ก็ต้องเขียนให้ได้ทุกอาทิตย์  จะได้รู้ว่าผ่านมาทำอะไรมาบ้าง  เป็นการเยียวยาความจำในสมองของตัวเรา

๖. ออกกำลังกาย ให้ได้ ๓วันต่อสัปดาห์ เพื่อยืดเวลาการหายใจให้แข็งแรงมากขึ้น

๗. สวดมนต์ให้ได้ทุกวันพระ  ห้ามลืมๆๆ  ต้องปฎิบัติให้ได้

๘. ดูหนัง ๑ เรื่องต่อเดือน  ห่างหายต่อโลกมายาไปเยอะ กลับเข้าชมสีสันบ้าง ชีวิตจะได้สดใส

๙. เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ทุกเดือน  จัดไป จัดเอง  หัดขับรถ  หัดนั่งรถไฟ   หัดนั่งรถทัวร์

๑๐. ต่อจิ๊กซอว์ให้ได้ ๑๒ แบบ

๑๑. อ่านหนังสือให้ได้ ๑๒ เล่ม

๑๒. ท่องเว็บไซต์ ๓ ชม.ต่อวัน

(พิมพ์ออกมาแปะหน้ากระจกเลย   ทำให้จงได้ ความพยายามอยู่ที่ตัวเรา)


สัปดาห์สุดท้ายแห่งปีล่ะ ยิ้มรับลมหนาวกันดีกว่า
ชาวกรุงเทพ จะได้หนาวบ้างไหมเนี่ย


วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ฅนธรรมดี



แค่คุณลงมือทำ   ความดีมองไม่เห็น   แต่สัมผัสได้ด้วยใจ

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำความดีกันนะค่ะ
จับมือกันไว้และก้าวไปด้วยกัน... กลุ่มฅนธรรมดี





เชิญชวนเพื่อนๆร่วมทำบุญด้วยกัน  รับไม่จำกัด ตั้งใจจะทำตลอดทั้งปี
ปีหน้า ๒๕๕๖ ฉันจะตระเวนปันความรักให้น้องๆผู้ด้อยโอกาสตามโครงงานต่างๆ

ช่วยๆกันนะค่ะ ใครสนใจก็เชิญเลย  น้องๆรออยู่มากมาย
อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน สื่อการสอน
อุปกรณ์การกีฬา
ทุนในการจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน
อื่นๆ

**ที่อยากได้จริงๆ และเป็นจำนวนมาก ได้แก่
ดินสอ  ยางลบ  กบเหลาดินสอ  สมุด   สีและสมุดวาดเขียน

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คุ้มค่าทุกวินาทีที่หายใจ



ทุกวันนี้ ฉัน พยายาม ใช้ชีวิต ให้คุ้มค่าทุกวินาที 
ท่องอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทุกสิ่งที่ทำเต็มไปด้วยความจริงใจและความปรารถนาอันแรงกล้า ไม่ใช่สักแต่จะทำเท่านั้น ฉันท่องในใจว่า.....

"จงใช้ชีวิตราวกับว่า คุณจะตายในวันพรุ่งนี้"


คุณลองดูสิ แล้วจะยิ้มกับการกระทำของตัวเอง บางการกระทำเหลือเชื่อจนนึกไม่ถึง ว่าตัวเรานั้นจะทำได้ ลองฝันให้ไกลๆ นึกถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แล้วลงมือทำให้สุดกำลังเต็มความสามารถ ไม่มีอะไรไกลไปกว่า 

"การให้กำลังใจตัวเอง"

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สุขเล็กเมื่อนึกถึงเพื่อน



รู้สึกตื้นตันอ่ะ ดีใจและสุขใจอย่างบอกไม่ถูก
ได้ข่าวของเพื่อนคนหนึ่ง  กำลังจะแต่งงาน

ฉันพยายามหาเพื่อนคนนี้มาสักพักหนึ่งซึ่งก็เพิ่งหาเจอเมื่อไม่นานมานี้เอง

วันนี้เป็นอีกวันที่ดีใจกับเพื่อนคนนี้ เจอกันอีกทีก็เห็นเพื่อนมีความสุขเป็นฝั่งเป็นฝาล่ะ


ภาพโยนไม้กลองงานกีฬาสี ม.๖ สมัยเรียนได้หวนกลับมาให้ยิ้มอีกครั้ง
ถ้าไม่มีเหตุการณ์วันนั้น ฉันคงไม่จดจำเพื่อนคนนี้ได้ชัดเจน

ด้วยทิฐิของเด็กวัยรุ่นตอนนั้นคำว่า"ขอโทษ"ไม่เคยหลุดปากฉันเลย
เก็บความรู้สึกผิด และคำขอโทษมาหลายปี
ใกล้ล่ะๆ ใกล้จะได้พูดต่อหน้าเพื่อนคนนี้แล้ว
อยากจะขอโทษแกนะเพื่อน

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แค่เคยเป็น..



ถึงคน เคยเป็นเพื่อน!

ตอนมีรถก็เรียกเช้าเรียกเย็น ชวนเช้าชวนเย็น ว่างเป็นนึกถึง
พอมาถึงวันนี้ ฉันไม่มีรถ เกือบหกเดือนที่ผ่านมา
คนที่เคยเรียกตัวว่าเพื่อน เริ่มหายไป
เพิ่งรู้!! ว่า"ความสบาย"มันซื้อความเป็นเพื่อนของเราได้
ความลำบากคือข้ออ้างมากมายของการไม่เอ่ยชวน

ไม่เป็นไรๆ ฉันพลาดไปแล้ว ที่อาจหาญไปเป็นเพื่อนคนรักสบาย
ต่อไปนี้เชิญเพื่อนตามสบาย ขอมอบตำแหน่งสหายที่เคยเป็นเพื่อน เท่านั้นพอ

เสียความรู้สึกสุดๆ ไม่เป็นไร ต่อไปก็แค่จำไว้
จะไปไหนก็ไปคนเดียว จะไม่ชวนใคร ไม่รอใครชวน  พอกันเสียที!

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แค่ดิน


อันความเกลียดเบียดใจยามหมดรัก
เพิ่มแรงผลักพรากรักไร้ขุ่นใส
ยามต้องรักรดน้ำใจไม่แชเชือน
แต่ยามเบื่อเชือดเชือนน้ำใจกัน

คิดจะพรวนดินน้อยก้นกระถาง
เพิ่มน้ำเสียงถากถางช่างท้อแท้
โอ้ดินหนอน้อยเหลือไม่ประมาณ
ไม่เจียมตัวเสือกอาจหาญ

ดินเอ่ยดิน


วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กินเจวันที่๓ 16/10/2555

กินเจวันที่๓   16/10/2555



เจวันนี้คงต้องอำลาศีล๘ แต่เพียงเท่านี้  ฉันไม่สามารถงดอาหารหลัง6โมงเย็นได้
สาเหตุมาจากหลายประการ  ต้องชิมอาหารหลายอย่างเพื่อเพื่อนหลายคน แค่ศีลข้อ๖ ก็พลาดล่ะ
และศีลข้อ๗ ก็ยิ่งกว่าทำไม่ได้ ต้องฟังเพลงเพื่อเขียนบทสารบัญให้หนังสือเล่มนึง
แม้จะเรื่องงานแต่ด้วยอารมณ์นั้น ไม่อาจเปลี่ยนความหมายของคำว่า"บันเทิง"ไปได้เลย

สรุปคือทำได้เพียง ๖ ข้อเท่านั้น..งั้นก็
กลับมาถือศีล๕อย่างเคร่งครัด  ขอนอนพื้นให้ครบเจเลยแล้วกัน
และกินเจต่อไปตามหลักปฎิบัติ   อย่างน้อยก็เป็นกุศลยิ่งใหญ่
เพื่อใครหลายคนที่ฉันปรารถนาจะส่งบุญไปให้

เจอกับบันทึกเจ วันต่อไปค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เดินหน้า เส้นทางเดิม






เดินหน้า..แต่เดินในเส้นทางเดิม 

คงต้องเจอความสุขสักเศษเสี้ยว

อย่างน้อยก็สุขที่ ได้ "เลือกเดิน"



^^* ยิ้มก่อนนอน 

สูดหายใจลึกๆ ก่อนเข้าสู่ภวังค์

คืนนี้จะคิดถึงป็อปปี้เลิฟ 

รักครั้งไหนคงไม่เหมือนรักครั้งนี้อีกแล้ว





ไม่มีครั้งใด ที่ผ่านเส้นทางนั้น แล้วจะไม่นึกถึงเขา

"คนที่แสนดี" ...



วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มิตรภาพสีดำ


มิตรภาพสีดำ
ดึกแล้ว ย่างเข้าวันใหม่อีกแล้ว 
สูดหายใจลึกๆ เริ่มจะไม่ไหวแล้ว รู้สึกตัวเองได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ สูดหายใจไม่สุดปอด
วันนี้ไปหาหมอ ตอนหมอบอกให้สูดหายใจลึกๆ ช้าๆ  ตัวงอเป็นกุ้ง 
แค่หายใจยังเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ
น้ำตาคลอเบ้า  อยากมีใครสักคนเล่าความเจ็บปวดให้ฟังเหลือเกิน

ฉันลองก้าวออกไปอีกโลกนึง ซึ่งคิดว่า พวกเขาจะหนักแน่นในความเป็นฉัน
แต่... ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย  โลกที่ฉันคิดว่าหนักแน่น บอบบางมากๆ
ฉันแค่ลองทิ้งตัวเศษเสี้ยวของสันดานฉันลงไปเท่านั้น โลกนั้นพังทลาย
อย่างที่ฉันไม่น่าให้อภัยตัวเอง  ฉันมองผิดไป  ฉันมองโลกกว้างเกินไป
ลืมไปว่า ทุกคนมีศูนย์จักรวาลเป็นของตัวเอง
ลืมคิดไป ว่าพวกเราเพิ่งรู้จักกัน  ใครๆก็ต้องนำสิ่งดีมอบให้แก่กัน
แต่ฉันดันทะลึ่ง เอาความมืดดำของตัวเองเสนอหน้าก่อน 
สุดท้าย  ฉันทำมิตรภาพที่สวยงามล้มเป็นโดมิโน  
ไม่รู้จะทำยังไง ให้ความใสซื่อ ความประทับใจเหล่านั้นกลับมา
ไม่รู้จะทำยังไง ให้ความอวดดีมันถูกสั่งสอน
จะพยายาม อย่าจริงจังกับโลกใบใหม่  แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันรักโลกใบนั้นซะแล้ว
รอยแก้วร้าว รอวันร้าวมากขึ้น  พอเหอะ ..ให้มันจบแบบให้พวกเขาคิดในทางแย่ๆกับฉันนะดีแล้ว

เพื่อนฉันบอกว่า  ไม่มีใครเข้าใจใครได้ในเวลาอันสั้นหรอก
"แกคิดดีแล้วเหรอ ที่จะเดินไปที่นั้น  หากแกเข้มแข็ง พวกฉันก็จะดูอยู่ห่างๆ
แต่แกจะไหวเหรอ หากเขามองแกไม่ดี  หากแกแสดงด้านมืดให้เขาเห็นเลย"... 
ตอนนั้นฉันตอบแบบไม่คิด  ฉันพร้อม ฉันรับได้!

เป็นไงล่ะ  วันนี้ นั่งหมองหม่นไม่เป็นท่า
สงสารความรู้สึกคนเหล่านั้นจัง เพราะคนเหล่านั้นคือ "เพื่อน" เพื่อนที่เรียกว่ามิตรภาพแห่งผ้าขาวทีเดียว
ฉันเป็นอาสาฯมาทั้งชีวิต แววตาคงมีแต่ความเศร้าและความสงสาร 
ความหยิ่งทระนง ต่อความอ่อนแอของตัวเองไม่เคยต้องปรากฎให้ใครได้เห็น

ใจฉันไม่แข็งพอ ฉันเอาความทุกข์ไปทิ้งไว้ที่ใครไม่ได้  ต้องเก็บกลับมา คนเหล่านั้นยังเยาว์นัก 
เหมือนจะเจอความลำบากมาเยอะ แต่ยังไม่เพียงพอต่อเรื่องร้ายๆของฉัน  
ไม่ยุติธรรมถ้าจะให้เขาช่วยแบกความเจ็บปวด  เดินจากมาดีกว่า โลกของฉันไม่มีค่าให้เขาเก็บไว้จดจำ

ลาก่อนมิตรภาพ ที่ฉันประทับใจ และจะไม่มีวันลืม
ฉันดีใจที่ได้ค้นพบเจอ แต่ฉันเสียใจมากกว่า ที่เห็นพวกเธอเจ็บเพราะฉัน
เพียงคำพูดพล่อยๆไม่กี่ประโยค ดั่งสายน้ำกระเฉาะ ร้าวรานโคลงเคลง
ทุกข์ และ ทุกข์ หมองมัว  ฉันขอโทษ.....

ขอโทษที่ทำให้พวกเธอมาเจอ "เนื้อร้าย"อย่างฉัน 

< บันทึกประจำวันที่ ๕ ต.ค. ๕๕ >

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

แด่ความพยายาม



"อยากเดิน อยากวิ่ง ด้วยขาทั้งสองของฉัน
อยากสัมผัส อยากโอบกอด ด้วยแขนทั้งสองของฉัน
นั่นคงเป็นสิ่งง่ายๆที่ใครๆต่างก็ทำได้
ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆแต่ฉันก็ทำมันไม่ได้
แต่อย่างน้อยฉันก็เชื่อว่า
ผู้ที่มีความพยายาม
สักวันเค้าต้องได้พบกับความสุขสมหวังที่รอคอย......." 

ฉันไม่ได้รอใคร ไม่เคยรอจริงๆ  ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง นับได้แค่สามครั้ง คงนับเกินนี้ไม่่ได้แล้ว 

ตอนนี้จะขอหนีไปตั้งหลักก่อน ...

คนหนึ่งเหยียบย่ำความทรงจำสวยงามเก็บถนอมอย่างดีมา ๑๗ ปี
คนหนึ่งปล่อยความรู้สึกดีๆที่บริสุทธิ์ ๑๙ ปี ให้แปดเปื้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
คนหนึ่งขีดฆ่าทำลายมิตรภาพที่ไม่เคยร้องขอความรัก ฆ่ากันด้วยถ้อยคำในวันที่ฉันล้มลงด้วยโรคร้าย

หัวใจที่เหลือเกือบทั้งชีวิต ขอเวลาอีกนิด พยายามยืนและยิ้มให้กว้างที่สุดให้ได้

ก็แหมมม นะ  เป็นอาสาฯเฝ้าเติมกำลังใจให้คนอื่นมากมาย จะมาตายก็ตอนปลูกกำลังใจให้ตัวเองรึเปล่า???

ฺBy  Sainam  ๒๓ ก.ย. ๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

บ่นถึง Cancer



ครุ่นคิดอยู่เกือบค่อนวัน พยายามจะยื้อเวลาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด แต่ก็แอบกลัวจะทำไม่ได้
ด้วยแรงกระตุ้นจากสหายที่รักหลายคน ทำให้ใจหนึ่งอยากบอกทางบ้านเหลือหลาย
อยากบอกมามิ๊ ให้รับรู้  แต่ก็ยังมีความกังวลอีกมากมาย คนแก่ที่มีลูกสาวใช้ชีวิตคนเดียวอยู่นอกบ้านจะทุกข์แค่ไหนกัน
หากรู้ว่าลูกเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหาย ใครจะไปก่อนกัน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนพี่ทหารคนนึงที่รู้จักเสียชีวิตด้วยโรคนี้  สองเดือนที่แล้วเจ้าCancerก็พาลุงที่รักของฉันจากไปอีก
สองเดือนให้หลังในวันที่คนที่ฉันรักเดินจากไปโดยไม่มีความเมตตา เหลือแต่ร่องรอยความเจ็บปวดที่ต้องเก็บไว้คนเดียว
ทั้งที่อยากได้กำลังใจจากเขามากมาย และอยากได้จากเขาเท่านั้น  ในยามที่หันไม่เห็นใคร อยากจะเห็นเขาอยู่เคียงกัน
แค่ยืนข้างๆกัน  แค่ยืนแบบไร้ความรู้สึกก็ได้ แต่...ไม่มี ถูกปฏิเสธยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน
เม้มปากกัดฟัน ล้างหน้าด้วยน้ำตาไม่เว้นวัน  ไม่ใช่เจ็บสาหัสด้วยโรคแต่สาหัสด้วยอาการทางใจ
ไม่นานนัก เจ้าCancerก็แพร่กระจายอย่างไม่ปราณี มันคงรู้ว่าฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่
ในวันที่สาหัสวันหนึ่ง ยอมหน้าด้านอีกสักครั้ง เอ่ยปากขอ "กำลังใจ" จากคน(ที่ฉัน)รัก  แต่..ไม่มี ไม่ได้ ไม่ให้
คำพูดตบหน้าที่ด้านของฉันให้อายและสมเพทตัวเองสิ้นดี ถ้าก้มลงกราบได้ ไม่แน่นะ! ฉันอาจจะทำ

เห็นคนรอบข้าง  ต้องมาทุกข์ทนกับพฤติกรรมแย่ๆของฉัน
ซึ่งตอนนี้ ฉันก็ยังไม่ฟื้น อาจดูเหมือนปากดี แต่ในใจเป็นศูนย์ไปนานแล้ว

มาค่ำคืนนี้ เพื่อนคนนึงเป็นดั่งพี่ ดั่งแม่ ดั่งญาติ ต้องมาเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับฉัน
ฉันรู้ว่ามันไม่ยากเลย กับการได้รู้ว่าคนในครอบครัว คนที่รักถูกเจ้าCancerคุกคามชีวิต

ทำไมเจ้าโรคนี้มันใกล้ตัวจัง
จะไม่ไหวอยู่แล้ว
ทุกวันนี้จะไม่ขอรับรู้ Cancerที่อยู่ในร่างกายฉันแล้ว
ฉันจะเอาเวลาทั้งหมด มอบให้แก่คนที่เขาต้องการ
ยังมีคนมากมายที่อยากได้กำลังใจจากฉัน
แม้ฉันจะไม่มีพละกำลัง แต่  ฉันยังมี "รอยยิ้ม"  ให้พวกเขา...

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

หกเดือนย้ำเตือนความรักยังหนักแน่น





ครบหกเดือน  ช่วงดวงตก  ใจฟกช้ำ
เจ็บแสนเจ็บ   โดนเหยียบย่ำ   ไร้ความหมาย
ใจก็เจ็บกายก็ร้าว เฝ้าความตาย
เดินสุดสายความเศร้า เคล้าน้ำตา

ถึงวันนี้ยังย้ำรัก สุดหนักแน่น
แม้นแอบแฝงความขมขื่นในสรวงสรร
จะกี่วันกี่เดือนนับร้อยพัน
รักของฉันไม่อาจแปรเปลี่ยนเลย

อยากเฉลยวันเวลาให้เธอรู้
ฉันอาจอยู่ไม่พ้นเส้นขอบแสง
ความรักนี้รักของเราราคาแพง
ถ้าสิ้นแสงฉันหมดแรงหมดลมหายใจ

หกเดือนเตือนความรักที่หนักแน่น
ไร้หัวใจที่หมายปองเจ็บนับแสน
ขาดอ้อมแขนไร้มือกุมกระชับรัก
ดวงใจหักไร้โอบกอดยากเยียวยา

ค่ำคืนนี้ มองหาดาว ข่มความหนาว
รักสีขาวของฉันเริ่มหม่นหมอง
มองฝั่งคลองอิงแอบแนบสะพาน
หัวใจเริ่มจะพาลเริ่มสลายไปกับสายลม

อยากข่มตา ข่มความทรมานไว้แค่นี้
อยากหมดหนี้ความรักของเธอฉัน
ไม่พบกันชาติหน้ารักนิรันดร์
เธอไม่มีวันรักฉันฉันเข้าใจดี

เธอไม่รักเธอไม่รักจงท่องไว้
แต่ฉันรักฉันยิ้มให้ความหมาย
จนวันนี้หัวใจเริ่มใกล้ตาย
อาจจะสายหมดเวลา บอกรักเธอ

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่าของน้ำลาย


"ทำไมคุณชอบไปจังนะ สถานที่ที่หดหู่เศร้าใจ
พอไปแล้วก็แบกเรื่องเศร้าของคนอื่นมาเก็บไว้
ไปรับฟังเรื่องคนอื่นมาบั่นทอนจิตใจตัวเอง
ไว้ผมจะพาคุณไปที่อื่นเอง ..."
มีผู้ชายคนหนึ่งมักพูดกับฉันทุกครั้งด้วยประโยคนี้
หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องราวของเพื่อนร่วมโลกที่ฉันไปพบเห็นมา

ถ้อยคำนี้ก้องดังในหู ให้เจ็บร้าวสู่ก้นบึ้งหัวใจทุกครั้ง  เพราะสิ่งที่เขาพูด เขายังไม่เคยพาฉันไปเลยสักครั้ง
ไม่เคยมีคำว่า"ว่าง" สำหรับฉัน   ก็แค่ลมปากที่พูดไปตามสคริปต์เท่านั้นเอง

วันนี้ มีผู้ชายอีกคน กำลังจะเอ่ยวาจาในทำนองเดียวกัน
ฉันรีบยกมือห้าม  อย่าพูดออกมา

เพราะฉันยังมีรอยรั่วในใจ ไม่พร้อมจะฟัง ไม่พร้อมจะเชื่อ


กรุณาอย่าพูดประโยคเดียวกันกับคนที่ฉันรัก เคยพูดไว้ ซึ่งเขาไม่เคยทำ ไม่เคยคิดจะทำ
หัวใจของคนรอ  ไม่ใช่รอให้รัก แต่รอเพื่อจะไปทำบุญกับเขาเท่านั้น

วันนี้ใจบอบช้ำ เพราะพบว่า คนที่ฉันรัก เขาพาคนอื่นไป ทั้งที่ปากยังพร่ำบอกว่าไม่ว่าง!!!

ฉันนี่ มีค่า น้อยกว่าหมาที่ไร้เจ้าของจริงๆ...

สุดลึกของความคิด


ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่เคยรักฉัน
ตลอดหกเดือนมานี้ วันนี้ฉันรู้สึกดีใจ จากความรู้สึกข้างในจริงๆ
ฉันดีใจมาก ไม่เสียใจสักนิด ที่คุณไม่รักฉัน

ถ้าเมื่อใด ฉันไปแล้ว 
ไม่มีอะไรสำคัญให้ย้อนมองในจิตสำนึกของคุณ
เพราะมันไม่เคยมีความหมายอยู่แล้วในความหมาย
เราก็คือคนอื่นกันอยู่แล้ว คุณไม่เคยรู้จักฉันในโลก
คุณไม่เคยยินดี ที่มีฉัน
ไม่เคยรู้สึกดีที่รู้จักฉัน
ไม่เคยรู้จักถึงความรักที่ฉันมีให้
ฉันเหมือนอากาศธาตุที่บังเอิญผ่านไปพบคุณ ในวันโง่ๆเท่านั้น

จำเอาไว้ ว่าคุณไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ
เราไม่เคยเป็นอะไร
ไม่เป็นแม้แต่เพื่อนร่วมโลก

ฉันจะเก็บเรื่องของคุณไว้ในความทรงจำของฉันคนเดียว
ฉันจะตายไป และจะตายไปพร้อมกับทุกเรื่องทีีเกี่ยวกับคุณ

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

"รัก" ที่เขาไม่ยอมได้ยิน


ถ้าคุณรักใครสักคน จงอย่ารีรอที่จะบอกรักเค้า 

จงบอกรักเค้าในเวลาที่เค้าสามาร­ถรู้ความหมายยิ่งใหญ่ของมันได้ 
แล้วคุณจะอัศจรรย์ใจที่ได้พบกับ­คำว่ารัก 
และมีพลังและอนุภาคมหาศาลเพียงใ­ด 

เมื่อคุณได้คำว่ารัก นั้นกลับคืนมา


ฉัน รัก เขา  

เขาแสร้งทำเฉย ไม่รับรู้  หนำซ้ำยังพยายามทำลายความรู้สึกดีๆของฉันให้สั่นคลอน

ตอนนี้ฉันไม่มีแรงที่จะยื้อยุดความรักให้สมบูรณ์

ความรู้สึกดีๆ เริ่มร่วงหล่น  แล้วเขาก็เหยียบย่ำ ไม่เคยหันแล

สุดจะทนกล้ำกลืน  ฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล

แค่ รัก  และ อยากจะรัก ต่อไปเท่านั้น

ต้องทำร้ายกันขนาดนี้เชียวหรือ???




ฉันคนพ่าย  ขายศักดิ์ศรี แค่เพียงรัก  

เห็นรอยหัก  ของชีวิต  แทบสิ้นหวัง

ใจพังพัง เดินไร้ที่ ไร้ความหมาย

มองความตาย  อำลาร่าง  ล้าหัวใจ

เฮือกสุดท้าย   กายเหนื่อยอ่อน  นอนตลอดกาล

รอยหักของชีวิต ต้องยอมรับ



การตรวจครั้ง๔  ที่รพ.ย่านแยกแคราย

ตรวจครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย  สาบานว่าจะไม่ตรวจที่ไหนอีกแล้ว
พอสักทีกับการชี้ชะตาให้ตัวเอง ด้วยคำว่ารักษา หรือ  ไม่รักษา

X–ray คือทางเลือกสุดท้ายที่หมอให้ฉันทำ
เสี่ยงต่อการกระจายของโรค ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดของการรักษา

แต่สำหรับฉัน หมอบอกว่าคงต้อง X–rayอีกครั้ง
การเสียค่าใช้จ่ายเอง ดีตรงที่ไม่ต้องเตรียมใจนาน
รู้ผลรวดเร็ว  รอไม่ถึง1ชม. ก็...โลกทั้งใบถล่มตรงหน้า  ความรู้สึกชาวาบไปหมด

เสียงของหมอ แว่วอยู่ในหูฉัน  ผ่านมาตลอดทั้งวัน ฉันยังจำได้ดีทุกประโยค ทุกถ้อยคำ ทุกน้ำเสียง

หมอคิดว่าร่างกายคุณ เลี้ยงโรคนี้มาเกินกว่า 10 ปี
หมอถามฉันว่า  คุณอยู่มาได้อย่างไร???

สภาพปอดฉันยิ่งกว่าฟองน้ำที่โดนเจาะรู   ไม่มีที่ให้ออกซิเจนเข้าไปฝังตัว
แพร่กระจายไปที่ตามกระดูกข้อต่อ และไขสันหลัง  ตอนนี้กำลังคุกคามต่อมน้ำเหลือง

วิธีการรักษา แก่ฉันคือ
ผ่าตัด ไม่ได้  เพราะเป็นทุกจุดของปอด
ทำเคมีบำบัดไม่ได้ เพราะฉันแพ้ภูมิร่างกายตัวเอง  ร่างกายจะต่อต้านยาทุกชนิดที่เคยเข้าสู่ร่างกายแล้ว
ไม่ว่าจะทำคีโม หรือ ฉายรังสี  หมอไม่แนะนำ  
แต่ถ้าไปรพ.อื่น  อาจจะบอกว่าทำได้ เพราะคือทางรอดที่พอจะมองเห็น (รึเปล่า?)
สุดท้าย คือ ไม่พ้นการพึ่งยา ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ไม่มีใครบอกได้ ว่าจะเลิกกินยาตอนไหน  แล้วกินแล้วจะหายไหม

หมอขอเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจดูว่าจะใช้ยาอะไร ประทังต่อลมหายใจฉัน
แต่..ฉันต้องทำใจ เพราะจะไม่มีการฉีดยาชา เจาะสด!!!
และขอให้ฉันแอดมิดทันที ความดันต่ำมากอาจเกิดภาวะช็อกได้ทุกเมื่อ ในระหว่างการเจาะไขสันหลัง
และหมอขอความร่วมมือให้ตรวจประสาทตา
และให้ทำ CT Scan และ ทำ MRI อีกครั้ง หลังจากตรวจเจาะไขสันหลังเสร็จ

(หูฉันอื้ออึง ไปตั้งแต่ตอนไม่ฉีดยาชาแล้ว  ฉันกลัว!!!)

มีเอกสาร3ใบ พร้อมแผ่นพับเล็กๆ พยาบาลยื่นให้หลังจากที่ฉันคุยกับหมอ กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม

ฉันก้มลงอ่าน
จำได้ว่าน้ำตาคลอเบ้า จนแทบมองไม่เห็นตัวหนังสือ

มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ
การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวก
จะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง...
ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ
จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น
ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย
เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต....



วินาทีนี้ ที่คิดถึง คือ  คนที่ฉันรัก

โทรไป เขาไม่รับสาย  จนป่านนี้
แม้กระทั่งตอนนี้กำลังจะหมดราตรีไปอีกหนึ่งคืน เขาก็ยังไม่รับสายและปิดเครื่องไปแล้ว


ฉันอยากได้ยินเสียงเขา
เป็นสิ่งแรกที่อยากทำมากที่สุด ในตอนนี้


วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เวลาที่เหลืออยู่ แอ็ด คาราบาว





ที่ฝากเอาไว้ไม่ใช่ถ้อยคำ
เป็นความบอบช้ำที่คอยบดกลืนฝัน
บนกำแพงไม่มีภาพแขวนอยู่
แต่ภาพในใจเมื่อใด จึงจะลบเลือน

ที่เก็บเอาไว้ไม่ใช่น้ำตา
เป็นความอ่อนล้าของคนที่เจ็บร้าว
รอนแรมไปบนถนนที่มืดยาว
หวั่นแสงตอนเช้ามาถึง ก็สายเกิน

หากมีชีวิตเหลือเพียงอีกแค่หนึ่งวัน
และหนึ่งวันนั้นฉันได้พบเธออีกครั้ง
จะใช้ยีสิบสี่ชั่วโมงที่เหลืออยู่
โอบรักเธอ กอดเธอ จนกว่าจะตาย



ที่เก็บเอาไว้ไม่ใช่น้ำตา
เป็นความอ่อนล้าของคนที่ปวดร้าว
รอนแรมไปบนถนนที่มืดยาว
หวั่นแสงตอนเช้ามาถึง ก็สายเกิน

หากมีชีวิตเหลือเพียงอีกแค่หนึ่งวัน
และหนึ่งวันนั้นฉันได้พบเธออีกครั้ง
จะใช้ยีสิบสี่ชั่วโมงที่เหลืออยู่
โอบรักเธอ... กอดเธอ... จนกว่าจะตาย...



เวลาที่เหลืออยู่



ฉันได้สอบถามเพื่อนๆหลายคน ยามที่พวกเขาอยู่บนเตียงผู้ป่วย
บางคนยิ้มทั้งน้ำตา  เพียงเพื่อให้ฉันสบายใจ
สิ่งที่ทุกคนพูดเหมือนกัน คือ  อยากอยู่ใกล้ๆคนที่ตัวเองรัก
อยากบอกรักคนที่ตัวเองแอบชอบ 
อยากเพิ่มความกล้า อยากย้อนเวลาไปขอโทษใครบางคน
อยากทำอะไรให้คนที่ตัวเองรักเป็นวาระสุดท้าย
คนบางคนไม่เคยบอกรักลูกเลย .. เขานอนอยู่บนเตียง คนที่บ้านก็ไม่มีใครรู้
คนบางคนมีคนรักที่คอยอยู่เบื้องหลัง   แต่กลับไปไม่ได้ เพราะอุปสรรคแห่งโรคภัย
คนบางคนเจ็บช้ำมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังอยากจะรักใครสักคนที่ตามหามานาน

ฉันยังจำภาพเหล่านั้นไม่มีวันลืม
วันนี้ ฉันอาจจะเป็นฝ่ายโดนถามบ้าง
ถ้าวัฎจักรในชีวิตได้หมุนเวียนสลับที่
ฉันคงกลายเป็นคนที่อยู่บนเตียง
นั่งรอวันสิ้นลมหายใจไปทุกชั่วขณะของวินาที
แต่ฉัน..ยังมีความจริงที่ยังยิ้มได้เสมอ
...ความจริงที่โชคดีของฉัน  โชคดีกว่าใครหลายๆคนด้วยซ้ำ
คืออย่างน้อย ฉันรู้ว่าฉันรักใคร
ฉันไม่เคยพลาดการบอกรักให้แก่คนที่ฉันรัก
เมื่อก่อนฉันอาจทุกข์ใจว่าทำไมเขาไม่รัก!
แต่....
วันนี้  ฉันดีใจมาก ที่เขาไม่รักฉัน
อย่างน้อย เขาก็จะไม่เสียใจ
และจะไม่เศร้าและต้องทนทุกข์กับการจากไปของฉัน
ฉันตายไป  เขาจะไม่มีน้ำตา และเขาจะไม่รู้สึกใดๆเลย
เป็นสิ่งที่น่ายินดี สำหรับฉันมากมาย
ฉันไม่ได้ทำให้คนรักของฉันต้องเศร้า ต้องทุกข์ ต้องไร้ความสุข
ถ้าฉันหายไปจากชีวิตเขา  นั่นแหล่ะ  คือ สิ่งที่เขาปรารถนา
และเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้  และเขาย่อมมีความสุขแน่นอน

บันทึกวันที่ 21 ส.ค. 55

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไม่รู้จะเลือกใคร(จริงๆเหรอ)



อย่าบอกว่าคุณเลือกไม่ได้
อย่าบอกว่าคุณยังรักคนเก่า
อย่าบอกว่าหัวใจคุณอยู่ที่เดิม
อย่าบอกว่าคุณไม่พร้อมจะมีใคร

รู้ไหม..คำตอบของคุณเฉลยออกมา
ตั้งแต่วันที่คุณหันมองคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตคุณแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่คุณยิ่งพยายามปฎิเสธสิ่งที่คุณกระทำ
นั่นแหละ คือความชัดเจนของคำตอบหัวใจคุณ

แล้วทำไมคุณจึงทำร้ายคนที่คุณรักและรักคุณ
โดยการพร่ำบอก"ไม่รัก" แก่เขาและเธอทุกวัน!

คุณ..แน่ใจแล้วงั้นหรือ
สิ่งที่คุณคิด เป็นความรู้สึกของคุณจริงๆ
ไม่ใช่เพียงเพื่อปิดกั้นความเจ็บปวดแห่งอดีต
และไม่กล้ายอมรับความจริงว่าคุณได้รักคนปัจจุบันเข้าให้แล้ว

ก้าวแรกของคุณเคยพลาดไปแล้วกับรักครั้งเก่า
คุณจะต้องพลาดก้าวต่อไป ด้วยการกระทำของคุณเองอีก งั้นหรือ???

คนที่คุณรัก ตอนนี้  เขาก็รักคุณ
แล้วคุณยังต้องรออะไรอีก
รอให้เสียคนที่คุณรักไปอีกครั้งหนึ่ง
จะรอให้เหตุการณ์เดิมๆวนเวียนกลับมา
แบบแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วใช่ไหม...

(ก้อนกรวดหัวใจ  By Sainam 17-08-2012)

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หนึ่งความรักที่มีเกินพูดได้




ผ่านมาแล้วห้าเดือนเต็ม เข็มความรัก
หนึ่งความรักที่มอบให้    เธอของฉัน
ยิ่งนานวันยิ่งแน่ชัด จุดยืนแห่งหัวใจ
ท่ามกลางความหวั่นไหวมีเธอไม่เปลี่ยนแปลง


ผ่านความชาชินเหยียบย่ำน้ำตาร่วง
ไม่มีห่วง ไร้ความหวง สิ้นศักดิ์ศรี
เป็นความรักให้ฟรีไร้ราคา
แค่สะดุดใจบ้างบางเวลาเท่านั้นเอง

จะรักเธอไปเรื่อยเรื่อยไม่มีพัก
และจะรักจนกว่าจะไม่ไหว
ตราบเท่าที่ฉันยังมีลมหายใจ
นี้คือสิ่งที่ทำได้ให้กับเธอ

การครบรอบวันนี้ขออธิษฐาน
สิ่งรอบตัวเป็นพยานแก่ตัวฉัน
เธอรักฉันหรือไม่ ไม่เคยสำคัญ
เพียงแค่มีวันนี้ให้ได้รักเธอ

ชีวิตฉันสั้นนักในโลกนี้
ทุกความทรงจำที่มีฉันขอ
ยามหมดลม  ลาโลกจะไม่รั้งรอ
จะเก็บคืนไร้เสียงสะอื้นผ่านเข้าหูเธอ

ทุกสิ่งทุกเสี้ยวที่เป็นของเรา
ฉันเป็นคนโง่เขลาของเธอเสมอ
รักของฉันไม่ใช่ความเพ้อเรอ
ฉันไม่เคยเผลอมอบให้แก่ใคร

ใกล้สิ้นชื่อสิ้นความรักในแบบฉัน
รอเวลาพลันแปลกลับสู่ธรรมชาติ
รักของฉันไม่ใช่ความผิดพลาด
เป็นแค่รักประหลาดที่ขาดหัวใจอีกครึ่งดวง

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดีใจกับอีกเฮือกลมหายใจ ในเช้าวันใหม่


ดีใจกับอีกเฮือกลมหายใจ ในเช้าวันใหม่
ลืมตาขึ้นมาแต่ล่ะวัน
ไม่ลืมเดินไปยิ้มที่หน้ากระจกทุกๆเช้า

เพื่อต่อลมหายใจ
หวังเพียงแค่ได้มีความรู้สึกคิดถึงที่เหลือเก็บไว้เพื่อรักคนที่ฉันรัก   ให้คุ้มค่าที่สุด

ฉันเดิมพันทุกอย่างด้วยชีวิตและลมหายใจ  วันต่อวัน...

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เตรียมตัวกลับบ้าน Bloggang






ร้องไห้ต้อนรับโรคร้ายอยู่5วัน  นานไปไหมเนี่ย
นานไปล่ะ..5วันเยอะไป  เอาเวลาเหล่านั้นมาคิดถึงเธอดีกว่า
เธอที่ฉันรัก  ฉันจะอยู่บนโลกใบเดียวกันกับเธอได้กี่วันนะ??

วันนี้ได้เวลาลุกขึ้นมาหาวิธีอยู่กับมันให้ได้
อยู่กับโรค ที่คนอื่นบอกว่ามันคือโรคร้าย

เป็นคนที่รู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าอีกไม่นานก็ต้องตาย
แต่ไม่เคยคิดว่า  ตัวจะมาสิ้นชื่อเพราะโรคร้ายที่ยอดฮิตเหลือเกิน
เหอๆ  หัวเราะไม่ออก   อึ้ง!!...เหมือนเวรกรรมจริงๆ
คงเป็นวิบากกรรมที่ต้องยอมรับจริงๆ

เมื่อก่อนเคยเฝ้าถามแม่  ว่าทำไมร่างกายหนูเป็นนู้นนี่นั่นมากมาย
หนูได้ทำอะไร ได้ทำบาปตอนเด็กๆไว้รึเปล่า
แม่บอกว่า  หนูไม่เคยทำอะไรเลย
แค่มดแค่ยุงยังไม่ค่อยจะกล้าตบมันเลย
บางที..บางทีคงเป็นสิ่งที่ติดตัวมาจากชาติภพ
ให้เราได้แก้ไขแก้ตัวในชาตินี้..

เมื่อได้ฟัง  หลังจากนั้นไม่พยายามใช้ชีวิตอย่างประมาท
พยายามอยู่อย่างตั้งใจ และทำให้ดีที่สุดวันต่อวัน

แต่แล้วก็ต้องช็อก  อีกรอบเพราะข่าวร้าย
ต้องบอกว่าข่าวร้าย  เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้จริงๆ
ชีวิตช่วงนี้เหน็ดเหนื่อยใจกับหลายสิ่งหลายอย่าง
ลืมดูแลตัวเองไปชั่วขณะ  เจอเรื่องร้ายๆ
เจอคำร้ายๆของคนที่เรารักแย๊บใส่ทุกวัน
น็อคเอ้าท์ กำแพงกำลังใจล้มไม่เป็นท่า
ยังไม่ทันได้ตั้งหลักซ่อมแซมกำลังใจ
ก็มาเจอข่าวร้ายที่สุดในรอบปี..

หัวใจ  ความคิด  เริ่มงง  เดินอยู่กับที่
เวลาหมุนกลับมาที่เก่า  เรื่องราวมากมายมากองตรงหน้า
เอาแล้วสิ  ความฝันที่เคยซ่อนอยู่ในมุมสุดท้ายของซอกหลืบ
มันเปิดเผยตัวเอง  บอกว่า..ฉันอยากออกไปจากตรงนี้

ฉันทิ้งความฝัน ไว้นานแค่ไหน
ฉันหยุดค้นหาความหมายมานานเท่าไหร่
แล้วฉันจะทำไงให้หันกลับไปหามันได้

ชีวิตจะมีความหมาย หากเรามองไปที่เป้าาหมาย
แต่ฉันไม่มีความหวัง  และไม่รู้จะสร้างเป้าหมายไปเพื่ออะไร
เพราะชีวิตก็อยู่ได้ไม่นาน  เพื่ออะไร  ยังไม่รู้เลย..

๑๓ สิงหาคม  ๒๕๕๕   ๐๗:๓๕ น.

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ถึงใครคนหนึ่ง คนพิเศษของฉัน

 

แต่ฉันไร้ค่า นอกสายตาเธอเสมอ

 

กำลังจะผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายไป สองวันแล้วสินะ   กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวินาทีมันยากเหลือเกินเขียว  ความพยายามที่จะอยู่อย่างไม่คิดถึงเธอ  มันยากจริงๆ 

ขอเพียงอย่าว่าง  เพราะถ้าว่างเมื่อใด  จะต้องคิดถึงเธอเมื่อนั้น   ความทรมานนี้มันเลื่อนลอยยากเกินแก้ไข  เวลาไม่สามารถช่วยอะไรได้  นอกจากบ่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ของหนัก ที่่เราเรียกว่า "รัก"

ของหนัก ที่่เราเรียกว่า "รัก"

หากรัก . . เปรียบเหมือนปุยเมฆก้อนน้อย
ปรารถนาให้สายลมพัดพาล่องลอย . .. ไปสุดฟ้า
ไปก่อตัวเป็นฝนพรำรดต้นไม้ ~ ใบหญ้า
หายเจ็บแล้วรีบให้ลมหอบพัดกลับมา . . . ในอุ้งมือเธอ



แต่รัก . . . กลับเป็นเหมือนของหนัก ~ หนักที่ถูกทับถม
เหมือนกรวดหินที่ถูกคลื่นซัดจม . . . อยู่เสมอ
ดำผุด . . ดำว่าย . . อยู่ในวังวนซึ่งหาทางออกไม่เจอ
รักจึงเป็นสิ่งสวยงามเลิศเลอ . .. ที่ทำให้ฉันน้ำตาเอ่อ . . ทุกวัน~*




เครดิต...By   บ้านริมโขง