วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

แด่ความพยายาม



"อยากเดิน อยากวิ่ง ด้วยขาทั้งสองของฉัน
อยากสัมผัส อยากโอบกอด ด้วยแขนทั้งสองของฉัน
นั่นคงเป็นสิ่งง่ายๆที่ใครๆต่างก็ทำได้
ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆแต่ฉันก็ทำมันไม่ได้
แต่อย่างน้อยฉันก็เชื่อว่า
ผู้ที่มีความพยายาม
สักวันเค้าต้องได้พบกับความสุขสมหวังที่รอคอย......." 

ฉันไม่ได้รอใคร ไม่เคยรอจริงๆ  ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง นับได้แค่สามครั้ง คงนับเกินนี้ไม่่ได้แล้ว 

ตอนนี้จะขอหนีไปตั้งหลักก่อน ...

คนหนึ่งเหยียบย่ำความทรงจำสวยงามเก็บถนอมอย่างดีมา ๑๗ ปี
คนหนึ่งปล่อยความรู้สึกดีๆที่บริสุทธิ์ ๑๙ ปี ให้แปดเปื้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
คนหนึ่งขีดฆ่าทำลายมิตรภาพที่ไม่เคยร้องขอความรัก ฆ่ากันด้วยถ้อยคำในวันที่ฉันล้มลงด้วยโรคร้าย

หัวใจที่เหลือเกือบทั้งชีวิต ขอเวลาอีกนิด พยายามยืนและยิ้มให้กว้างที่สุดให้ได้

ก็แหมมม นะ  เป็นอาสาฯเฝ้าเติมกำลังใจให้คนอื่นมากมาย จะมาตายก็ตอนปลูกกำลังใจให้ตัวเองรึเปล่า???

ฺBy  Sainam  ๒๓ ก.ย. ๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

บ่นถึง Cancer



ครุ่นคิดอยู่เกือบค่อนวัน พยายามจะยื้อเวลาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด แต่ก็แอบกลัวจะทำไม่ได้
ด้วยแรงกระตุ้นจากสหายที่รักหลายคน ทำให้ใจหนึ่งอยากบอกทางบ้านเหลือหลาย
อยากบอกมามิ๊ ให้รับรู้  แต่ก็ยังมีความกังวลอีกมากมาย คนแก่ที่มีลูกสาวใช้ชีวิตคนเดียวอยู่นอกบ้านจะทุกข์แค่ไหนกัน
หากรู้ว่าลูกเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหาย ใครจะไปก่อนกัน

ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนพี่ทหารคนนึงที่รู้จักเสียชีวิตด้วยโรคนี้  สองเดือนที่แล้วเจ้าCancerก็พาลุงที่รักของฉันจากไปอีก
สองเดือนให้หลังในวันที่คนที่ฉันรักเดินจากไปโดยไม่มีความเมตตา เหลือแต่ร่องรอยความเจ็บปวดที่ต้องเก็บไว้คนเดียว
ทั้งที่อยากได้กำลังใจจากเขามากมาย และอยากได้จากเขาเท่านั้น  ในยามที่หันไม่เห็นใคร อยากจะเห็นเขาอยู่เคียงกัน
แค่ยืนข้างๆกัน  แค่ยืนแบบไร้ความรู้สึกก็ได้ แต่...ไม่มี ถูกปฏิเสธยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน
เม้มปากกัดฟัน ล้างหน้าด้วยน้ำตาไม่เว้นวัน  ไม่ใช่เจ็บสาหัสด้วยโรคแต่สาหัสด้วยอาการทางใจ
ไม่นานนัก เจ้าCancerก็แพร่กระจายอย่างไม่ปราณี มันคงรู้ว่าฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่
ในวันที่สาหัสวันหนึ่ง ยอมหน้าด้านอีกสักครั้ง เอ่ยปากขอ "กำลังใจ" จากคน(ที่ฉัน)รัก  แต่..ไม่มี ไม่ได้ ไม่ให้
คำพูดตบหน้าที่ด้านของฉันให้อายและสมเพทตัวเองสิ้นดี ถ้าก้มลงกราบได้ ไม่แน่นะ! ฉันอาจจะทำ

เห็นคนรอบข้าง  ต้องมาทุกข์ทนกับพฤติกรรมแย่ๆของฉัน
ซึ่งตอนนี้ ฉันก็ยังไม่ฟื้น อาจดูเหมือนปากดี แต่ในใจเป็นศูนย์ไปนานแล้ว

มาค่ำคืนนี้ เพื่อนคนนึงเป็นดั่งพี่ ดั่งแม่ ดั่งญาติ ต้องมาเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับฉัน
ฉันรู้ว่ามันไม่ยากเลย กับการได้รู้ว่าคนในครอบครัว คนที่รักถูกเจ้าCancerคุกคามชีวิต

ทำไมเจ้าโรคนี้มันใกล้ตัวจัง
จะไม่ไหวอยู่แล้ว
ทุกวันนี้จะไม่ขอรับรู้ Cancerที่อยู่ในร่างกายฉันแล้ว
ฉันจะเอาเวลาทั้งหมด มอบให้แก่คนที่เขาต้องการ
ยังมีคนมากมายที่อยากได้กำลังใจจากฉัน
แม้ฉันจะไม่มีพละกำลัง แต่  ฉันยังมี "รอยยิ้ม"  ให้พวกเขา...

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

หกเดือนย้ำเตือนความรักยังหนักแน่น





ครบหกเดือน  ช่วงดวงตก  ใจฟกช้ำ
เจ็บแสนเจ็บ   โดนเหยียบย่ำ   ไร้ความหมาย
ใจก็เจ็บกายก็ร้าว เฝ้าความตาย
เดินสุดสายความเศร้า เคล้าน้ำตา

ถึงวันนี้ยังย้ำรัก สุดหนักแน่น
แม้นแอบแฝงความขมขื่นในสรวงสรร
จะกี่วันกี่เดือนนับร้อยพัน
รักของฉันไม่อาจแปรเปลี่ยนเลย

อยากเฉลยวันเวลาให้เธอรู้
ฉันอาจอยู่ไม่พ้นเส้นขอบแสง
ความรักนี้รักของเราราคาแพง
ถ้าสิ้นแสงฉันหมดแรงหมดลมหายใจ

หกเดือนเตือนความรักที่หนักแน่น
ไร้หัวใจที่หมายปองเจ็บนับแสน
ขาดอ้อมแขนไร้มือกุมกระชับรัก
ดวงใจหักไร้โอบกอดยากเยียวยา

ค่ำคืนนี้ มองหาดาว ข่มความหนาว
รักสีขาวของฉันเริ่มหม่นหมอง
มองฝั่งคลองอิงแอบแนบสะพาน
หัวใจเริ่มจะพาลเริ่มสลายไปกับสายลม

อยากข่มตา ข่มความทรมานไว้แค่นี้
อยากหมดหนี้ความรักของเธอฉัน
ไม่พบกันชาติหน้ารักนิรันดร์
เธอไม่มีวันรักฉันฉันเข้าใจดี

เธอไม่รักเธอไม่รักจงท่องไว้
แต่ฉันรักฉันยิ้มให้ความหมาย
จนวันนี้หัวใจเริ่มใกล้ตาย
อาจจะสายหมดเวลา บอกรักเธอ

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่าของน้ำลาย


"ทำไมคุณชอบไปจังนะ สถานที่ที่หดหู่เศร้าใจ
พอไปแล้วก็แบกเรื่องเศร้าของคนอื่นมาเก็บไว้
ไปรับฟังเรื่องคนอื่นมาบั่นทอนจิตใจตัวเอง
ไว้ผมจะพาคุณไปที่อื่นเอง ..."
มีผู้ชายคนหนึ่งมักพูดกับฉันทุกครั้งด้วยประโยคนี้
หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องราวของเพื่อนร่วมโลกที่ฉันไปพบเห็นมา

ถ้อยคำนี้ก้องดังในหู ให้เจ็บร้าวสู่ก้นบึ้งหัวใจทุกครั้ง  เพราะสิ่งที่เขาพูด เขายังไม่เคยพาฉันไปเลยสักครั้ง
ไม่เคยมีคำว่า"ว่าง" สำหรับฉัน   ก็แค่ลมปากที่พูดไปตามสคริปต์เท่านั้นเอง

วันนี้ มีผู้ชายอีกคน กำลังจะเอ่ยวาจาในทำนองเดียวกัน
ฉันรีบยกมือห้าม  อย่าพูดออกมา

เพราะฉันยังมีรอยรั่วในใจ ไม่พร้อมจะฟัง ไม่พร้อมจะเชื่อ


กรุณาอย่าพูดประโยคเดียวกันกับคนที่ฉันรัก เคยพูดไว้ ซึ่งเขาไม่เคยทำ ไม่เคยคิดจะทำ
หัวใจของคนรอ  ไม่ใช่รอให้รัก แต่รอเพื่อจะไปทำบุญกับเขาเท่านั้น

วันนี้ใจบอบช้ำ เพราะพบว่า คนที่ฉันรัก เขาพาคนอื่นไป ทั้งที่ปากยังพร่ำบอกว่าไม่ว่าง!!!

ฉันนี่ มีค่า น้อยกว่าหมาที่ไร้เจ้าของจริงๆ...

สุดลึกของความคิด


ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่เคยรักฉัน
ตลอดหกเดือนมานี้ วันนี้ฉันรู้สึกดีใจ จากความรู้สึกข้างในจริงๆ
ฉันดีใจมาก ไม่เสียใจสักนิด ที่คุณไม่รักฉัน

ถ้าเมื่อใด ฉันไปแล้ว 
ไม่มีอะไรสำคัญให้ย้อนมองในจิตสำนึกของคุณ
เพราะมันไม่เคยมีความหมายอยู่แล้วในความหมาย
เราก็คือคนอื่นกันอยู่แล้ว คุณไม่เคยรู้จักฉันในโลก
คุณไม่เคยยินดี ที่มีฉัน
ไม่เคยรู้สึกดีที่รู้จักฉัน
ไม่เคยรู้จักถึงความรักที่ฉันมีให้
ฉันเหมือนอากาศธาตุที่บังเอิญผ่านไปพบคุณ ในวันโง่ๆเท่านั้น

จำเอาไว้ ว่าคุณไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ
เราไม่เคยเป็นอะไร
ไม่เป็นแม้แต่เพื่อนร่วมโลก

ฉันจะเก็บเรื่องของคุณไว้ในความทรงจำของฉันคนเดียว
ฉันจะตายไป และจะตายไปพร้อมกับทุกเรื่องทีีเกี่ยวกับคุณ

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

"รัก" ที่เขาไม่ยอมได้ยิน


ถ้าคุณรักใครสักคน จงอย่ารีรอที่จะบอกรักเค้า 

จงบอกรักเค้าในเวลาที่เค้าสามาร­ถรู้ความหมายยิ่งใหญ่ของมันได้ 
แล้วคุณจะอัศจรรย์ใจที่ได้พบกับ­คำว่ารัก 
และมีพลังและอนุภาคมหาศาลเพียงใ­ด 

เมื่อคุณได้คำว่ารัก นั้นกลับคืนมา


ฉัน รัก เขา  

เขาแสร้งทำเฉย ไม่รับรู้  หนำซ้ำยังพยายามทำลายความรู้สึกดีๆของฉันให้สั่นคลอน

ตอนนี้ฉันไม่มีแรงที่จะยื้อยุดความรักให้สมบูรณ์

ความรู้สึกดีๆ เริ่มร่วงหล่น  แล้วเขาก็เหยียบย่ำ ไม่เคยหันแล

สุดจะทนกล้ำกลืน  ฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล

แค่ รัก  และ อยากจะรัก ต่อไปเท่านั้น

ต้องทำร้ายกันขนาดนี้เชียวหรือ???




ฉันคนพ่าย  ขายศักดิ์ศรี แค่เพียงรัก  

เห็นรอยหัก  ของชีวิต  แทบสิ้นหวัง

ใจพังพัง เดินไร้ที่ ไร้ความหมาย

มองความตาย  อำลาร่าง  ล้าหัวใจ

เฮือกสุดท้าย   กายเหนื่อยอ่อน  นอนตลอดกาล

รอยหักของชีวิต ต้องยอมรับ



การตรวจครั้ง๔  ที่รพ.ย่านแยกแคราย

ตรวจครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย  สาบานว่าจะไม่ตรวจที่ไหนอีกแล้ว
พอสักทีกับการชี้ชะตาให้ตัวเอง ด้วยคำว่ารักษา หรือ  ไม่รักษา

X–ray คือทางเลือกสุดท้ายที่หมอให้ฉันทำ
เสี่ยงต่อการกระจายของโรค ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดของการรักษา

แต่สำหรับฉัน หมอบอกว่าคงต้อง X–rayอีกครั้ง
การเสียค่าใช้จ่ายเอง ดีตรงที่ไม่ต้องเตรียมใจนาน
รู้ผลรวดเร็ว  รอไม่ถึง1ชม. ก็...โลกทั้งใบถล่มตรงหน้า  ความรู้สึกชาวาบไปหมด

เสียงของหมอ แว่วอยู่ในหูฉัน  ผ่านมาตลอดทั้งวัน ฉันยังจำได้ดีทุกประโยค ทุกถ้อยคำ ทุกน้ำเสียง

หมอคิดว่าร่างกายคุณ เลี้ยงโรคนี้มาเกินกว่า 10 ปี
หมอถามฉันว่า  คุณอยู่มาได้อย่างไร???

สภาพปอดฉันยิ่งกว่าฟองน้ำที่โดนเจาะรู   ไม่มีที่ให้ออกซิเจนเข้าไปฝังตัว
แพร่กระจายไปที่ตามกระดูกข้อต่อ และไขสันหลัง  ตอนนี้กำลังคุกคามต่อมน้ำเหลือง

วิธีการรักษา แก่ฉันคือ
ผ่าตัด ไม่ได้  เพราะเป็นทุกจุดของปอด
ทำเคมีบำบัดไม่ได้ เพราะฉันแพ้ภูมิร่างกายตัวเอง  ร่างกายจะต่อต้านยาทุกชนิดที่เคยเข้าสู่ร่างกายแล้ว
ไม่ว่าจะทำคีโม หรือ ฉายรังสี  หมอไม่แนะนำ  
แต่ถ้าไปรพ.อื่น  อาจจะบอกว่าทำได้ เพราะคือทางรอดที่พอจะมองเห็น (รึเปล่า?)
สุดท้าย คือ ไม่พ้นการพึ่งยา ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ไม่มีใครบอกได้ ว่าจะเลิกกินยาตอนไหน  แล้วกินแล้วจะหายไหม

หมอขอเจาะไขสันหลังเพื่อตรวจดูว่าจะใช้ยาอะไร ประทังต่อลมหายใจฉัน
แต่..ฉันต้องทำใจ เพราะจะไม่มีการฉีดยาชา เจาะสด!!!
และขอให้ฉันแอดมิดทันที ความดันต่ำมากอาจเกิดภาวะช็อกได้ทุกเมื่อ ในระหว่างการเจาะไขสันหลัง
และหมอขอความร่วมมือให้ตรวจประสาทตา
และให้ทำ CT Scan และ ทำ MRI อีกครั้ง หลังจากตรวจเจาะไขสันหลังเสร็จ

(หูฉันอื้ออึง ไปตั้งแต่ตอนไม่ฉีดยาชาแล้ว  ฉันกลัว!!!)

มีเอกสาร3ใบ พร้อมแผ่นพับเล็กๆ พยาบาลยื่นให้หลังจากที่ฉันคุยกับหมอ กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม

ฉันก้มลงอ่าน
จำได้ว่าน้ำตาคลอเบ้า จนแทบมองไม่เห็นตัวหนังสือ

มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ
การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวก
จะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง...
ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ
จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น
ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย
เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต....



วินาทีนี้ ที่คิดถึง คือ  คนที่ฉันรัก

โทรไป เขาไม่รับสาย  จนป่านนี้
แม้กระทั่งตอนนี้กำลังจะหมดราตรีไปอีกหนึ่งคืน เขาก็ยังไม่รับสายและปิดเครื่องไปแล้ว


ฉันอยากได้ยินเสียงเขา
เป็นสิ่งแรกที่อยากทำมากที่สุด ในตอนนี้